เมนู

7. ทานสูตร


ว่าด้วยองค์แห่งทักษิณาทาน 6 ประการ


[308] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล อุบาสิกร
ชื่อนันทมารดา ชาวเมืองเวฬุกัณฑกะ ถวายทักษิณาทานอันประกอบด้วยองค์ 6
ประการ ในภิกษุสงฆ์มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประมุข พระผู้มี-
พระภาคเจ้าได้ทรงเห็นอุบาสิกาชื่อนันทมารดา ชาวเมืองเวฬุกัณฑกะถวาย
ทักษิณาทานอันประกอบด้วยองค์ 6 ประการ ในภิกษุสงฆ์มีพระสารีบุตรและ
พระโมคคัลลานะเป็นประมุข ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์
แล้วตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุบาสิกาชื่อนันทมารดา
ชาวเมืองเวฬุกัณฑกะนั้นถวายทักษิณาทานอันประกอบด้วยองค์ 6 ประการ
ในภิกษุสงฆ์มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประมุข ก็ทักษิณาทาน
อันประกอบด้วยองค์ 6 ประการเป็นอย่างไร ?
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย องค์ 3 ของทายก องค์ 3 ของปฏิคาหก องค์ 3
ของทายกเป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทายกก่อนให้ทาน เป็นผู้ดีใจ 1
กำลังให้ทานอยู่ย่อมยังจิตให้เลื่อมใส 1 ครั้นให้ทานแล้วย่อมปลื้มใจ 1

นี้องค์ 3 ของทายก องค์ 3 ของปฏิคาหกเป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ปฏิคาหกในศาสนานี้เป็นผู้ปราศจากราคะหรือปฏิบัติเพื่อกำจัดราคะ 1
เป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฏิบัติเพื่อกำจัดโทสะ 1
เป็นผู้ปราศจาก
โมหะ หรือปฏิบัติเพื่อกำจัดโมหะ 1 นี้องค์ 3 ของปฏิคาหก องค์ 3 ของ
ทายก องค์ 3 ของปฏิคาหกย่อมมีประการดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายทักษิณา-
ทานที่ประกอบด้วยองค์ 6 ประการ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้แล การถือประมาณ

บุญแห่งทักษิณาทานที่ประกอบด้วยองค์ 6 ประการอย่างนี้ว่า หวังบุญห้วงกุศล
มีประมาณเท่านี้นำสุขมาให้มีอารมณ์เลิศ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์
ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อสุข ดังนี้ ไม่ใช่ทำได้ง่าย โดยที่แท้ บุญแห่งทักษิณาทานนั้น ย่อมถึง
การนับว่า เป็นห้วงบุญห้วงกุศลที่จะนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ เป็นกองบุญ
ใหญ่ทีเดียว เปรียบเหมือนการถือเอาประมาณแห่งน้ำในมหาสมุทรว่า เท่านี้
อาฬหกะ เท่านี้ร้อยอาฬหกะ เท่านี้พันอาฬหกะ หรือเท่านี้แสนอาฬหกะ
ไม่ใช่ทำได้ง่าย โดยที่แท้ น้ำในมหาสมุทรย่อมถึงการนับว่า เป็นห้วงน้ำที่จะ
นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ เป็นห้วงน้ำใหญ่ทีเดียวฉะนั้น.
ทายกก่อนแต่จะให้ทาน เป็นผู้ดีใจ
กำลังให้ทานอยู่ย่อมยังจิตให้เลื่อมใส ครั้น
ให้ทานแล้วย่อมปลื้มใจ นี้เป็นยัญสมบัติ
ปฏิคาหกผู้สำรวมประพฤติพรหมจรรย์ทั้ง-
หลาย คือ ท่านผู้ปราศจากราคะ ปราศจาก
โทสะ ปราศจากโมหะ ไม่มีอาสวะย่อมเป็น
เขตถึงพร้อมแห่งยัญ ทายกต้อนรับปฏิคาหก
ด้วยตนเองถวายทานด้วยมือตนเอง ยัญนั้น
ย่อมมีผลมากเพราะตน (ทายกผู้ให้ทาน)
และเพราะผู้อื่น (ปฏิคาหก) ทายกผู้มีปัญญา
มีศรัทธาเป็นบัณฑิตมีใจพ้นจากความตระ-
หนี่ ครั้นบำเพ็ญทานอย่างนี้แล้ว ย่อมเข้า
ถึงโลกที่เป็นสุขไม่มีความเบียดเบียน.

จบทานสูตรที่ 7

อรรถกถาทานสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในทานสูตรที่ 7 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า เวฬุกณฺฏกี ได้แก่ เป็นชาวเมืองเวฬุกัณฏกะ. บทว่า
ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ความว่า ประกอบไปด้วยองค์คุณ 6 ประการ. บทว่า
ทกฺขิณํ ปติฏฐาเปติ ความว่า ถวายทาน. บทว่า ปุพฺเพว ทานา สุมโน
ความว่า เป็นผู้ถึงความโสมนัสตั้งเดือนหนึ่งว่า เราจักถวายทาน. อธิบายว่า
บุรพเจตนา ในคำว่า ปุพฺเพว ทานา สฺมโน นี้ ย่อมมีแก่ผู้เริ่มต้นทำนา
โดยคิดอยู่ว่า เราจักถวายทานด้วยข้าวกล้าที่เกิดจากนานี้ จำเดิมแต่กาลที่เกิด
ความคิดขึ้นว่า เราจักถวายทาน. ส่วนมุญจนเจตนา (ความตั้งใจสละ)
ที่ตรัสไว้อย่างนี้ว่า เมื่อให้ ย่อมยังจิตให้ผ่องใสดังนี้ ย่อมมีได้ในเวลาให้ทาน
เท่านั้น แต่อปรเจตนานี้ ว่า ครั้นให้แล้ว ก็มีจิตปราบปลื้ม ดังนี้ ย่อมมีแก่
ผู้ระลึกถึงในภายหลัง ในกาลต่อ ๆ มา.
บทว่า วีตราคา ได้แก่ พระขีณาสพผู้ปราศจากราคะ. บทว่า
ราควินยาย วา ปฏิปนฺนา ความว่า ดำเนินปฏิปทา ที่เป็นเหตุนำราคะ
ออกไป. และเทศนานี้ เป็นเทศนาอย่างอุกฤษฏ์ แต่มิใช่สำหรับพระขีณาสพ
อย่างเดียวเท่านั้น แม้พระอนาคามี พระสกทาคามี พระโสดาบัน โดยที่สุด
แม้สามเณรผู้ถือภัณฑะบวชแล้วในวันนั้น ทักษิณาที่ถวายแล้วย่อมชื่อว่าประกอบ
ไปด้วยองค์ 6 ทั้งนั้น. เพราะว่า แม้สามเณรก็บวชเพื่อโสดาปัตติมรรค
เหมือนกัน.
ความบริบูรณ์แห่งทาน ชื่อว่า ยัญสัมปทา. บทว่า สญฺญตา
ความว่า สำรวมแล้ว ด้วยความสำรวมคือศีล. บทว่า สยํ อาจมยิตฺวาน